เมนู

[455] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อุเบกขาไม่มีอามิสกว่าอุเบกขา
ไม่มีอามิสเป็นไฉน. อุเบกขาเกิดขึ้นแก่ภิกษุขีณาสพผู้พิจารณาเห็นจิตซึ่ง
หลุดพ้นแล้วจาก ราคะ จากโทสะ จากโมหะ นี้เราเรียกว่า อุเบกขาไม่มี
อามิสกว่าอุเบกขาไม่มีอามิส.
[456] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็วิโมกข์มีอามิสเป็นไฉน. วิโมกข์
ที่ปฏิสังยุตด้วยรูป ชื่อว่าวิโมกข์มีอามิส วิโมกข์ที่ไม่ปฏิสังยุตด้วยรูป ชื่อว่า
วิโมกข์ไม่มีอามิส.
[457] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็วิโมกข์ไม่มีอามิสกว่าวิโมกข์ไม่มี
อามิสเป็นไฉน. วิโมกข์เกิดขึ้นแก่ภิกษุขีณาสพผู้พิจารณาเห็น จิตซึ่งหลุดพ้น
แล้วจากราคะ จากโทสะ จากโมหะ นี้เราเรียกว่าวิโมกข์ไม่มีอามิสกว่า
วิโมกข์ไม่มีอามิส.
จบ นิรามิสสูตรที่ 11

อรรถกถานิรามิสสูตรที่ 11



พึงทราบวินิจฉัยในนิรามิสสูตรที่ 11 ดังต่อไปนี้.
บทว่า สามิสา ปีติมีอามิสด้วยอามิสคือกิเลส. บทว่า นิรามิสตรา
ความว่า ปีติที่ไม่มีอามิสกว่าปีติในฌานแม้ที่ไม่มีอามิส. ถามว่าก็ในฌาน 2
ปีติย่อมเป็นมหัคคตะก็มี ย่อมเป็นโลกุตตระก็มี. ปีติในปัจจเวกขณญาณ
ย่อมเป็นโลกิยะอย่างเดียวมิใช่หรือ เพราะเหตุไร ปีตินั้น จึงไม่มีอามิสกว่า
เล่า. ตอบว่า เพราะเกิดขึ้นแล้ว ด้วยสามารถแห่งการพิจารณาซึ่งธรรมอัน

สงบและประณีต. เหมือนคนรับใช้ เป็นคนโปรดของพระราชา เข้าไปสู่
ราชตระกูลได้ตามสบายไม่มีใครขัดขวาง แม้จะเอาเท้าถีบเศรษฐี และ
เสนาบดีเป็นต้นก็ได้ เพราะเหตุอะไร เพราะเป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดของพระ
ราชา. ด้วยเหตุนี้ คนรับใช้นั้น ย่อมเป็นผู้ยิ่งกว่าเศรษฐีเป็นต้นเหล่านั้น
ฉันใด. ปีติแม้นี้ พึงทราบว่า ยิ่งกว่าแม้ปีติในโลกุตตระ เพราะเกิดขึ้นแล้ว
ด้วยสามารถแห่งการพิจารณาธรรมอันสงบและประณีตฉันนั้น แม้ในวาระ
ที่เหลือ ก็มีนัยนี้ทั้งนั้น.
ส่วนในวาระแห่งวิโมกข์ วิโมกข์อันประกอบด้วยรูป ชื่อว่ามีอามิส
ด้วยสามารถอามิสคือรูป อันเป็นอารมณ์ของตน. ที่ไม่ประกอบด้วยรูป
ชื่อว่าไม่มีอามิส โดยไม่มีอามิสคือรูป.
จบ อรรถกถานิรามิสสูตรที่ 11
จบ อรรถกถาอัฏฐสตปริยายวรรคที่ 3

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ


1 สิวกสูตร 2. อัฏฐสตปริยายสูตร 3. ภิกขุสูตร 4. ปุพพสูตร
5. ญาณสูตร 6. ภิกขุสูตร 7. ปฐมสมณพราหมณสูตร 8. ทุติยสมณ
พราหมณสูตร 9. ตติยสมณพราหมณสูตร 10. สุทธิกสูตร 11. นิรา
มิสสูตร.
จบ เวทนาสังยุต